วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559

วางแผนการเทรด Forex

วางแผนการเทรด Forex


            การมี “แผนการเทรด” ในการเทรด Forex นั้นเป็นหนึ่งสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เทรดเดอร์ที่ก้าวข้ามไปสู่ในจุดที่สามารถทำกำไรได้ในตลาดแห่งนี้อย่างต่อเนื่องนั้น … ต้องมี! ส่วนตัวยังไม่เคยเห็นเทรดเดอร์คนไหนที่ไม่มีแผนการเทรดแล้วสามารถอยู่รอดได้ … แต่เทรดเดอร์ส่วนมากนั้นมักมองว่าการวางแผนการเทรดเป็นอะไรที่ซับซ้อน น่าเบื่อ และการวางแผนการเทรดนั้นมักเป็นตัวเลือกสุดท้ายที่เทรดเดอร์จะทำมัน


          ทำไมแผนการเทรดถึงสำคัญ
  1. สร้างวินัย : การมีแผนการเทรดนั้นทำให้เราสร้างวินัยให้กับตัวเอง จะเทรดตามแผน ไม่ใช้อารมณ์ ซึ่งวินัยนั้นสำคัญสำหรับอาชีพเทรดเดอร์
  2. ทำให้รอเป็น : เมื่อเราวางแผนการเทรดไว้แล้วว่าจะเข้าอย่างไร เราเพียงรอจังหวะที่ราคาเข้าเงื่อนไขที่วางไว้ หากไม่ก็จะไม่เทรด แต่ถ้าใช่เราจะเข้าไปเทรด ซึ่งแผนการเทรดจะคอยเตือนเราอยู่เสมอ
  3. ควบคุมอารมณ์ : เทรดเดอร์ไม่ควรอย่างยิ่งในการใช้อารมณ์เข้าไปเทรด เพราะการใส่อารมณ์ในการเทรดนั้นไม่ได้เป็นตัวช่วยให้กำไรเรามากขึ้นเลย ตลาดเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ แต่วิธีการเทรด หน้าตักการเทรดนั้นเราควบคุมได้ สิ่งที่เทรดเดอร์ควรทำคือทำตามแผนการเทรดที่วางไว้
  4. บริหารหน้าตักได้ดี : การคำนวณขนาด Size ที่จะเข้า กับความเสี่ยงที่รับได้ของพอร์ตอยู่ตลอดเวลานั้น จะทำให้การบริหารหน้าตักของเรานั้นเป็นไปอย่างเหมาะสมอยู่ตลอด ซึ่งสิ่งนี้ก็ต้องมีจากแผนการเทรดเช่นกัน
  5. สามารถทบทวนสิ่งที่ผิดพลาดได้ : หากเราไม่มีการจัดบันทึกการเทรดของเราที่เทรดไป เราจะไม่มีทางรู้เลยว่า ข้อบกพร่องของเรานั้นอยู่ตรงไหน เราควรแก้ไข หรือพัฒนาในส่วนไหนบ้าง

            ส่วนวิธีการสร้างแผนการเทรดนั้นไม่จำเป็นต้องซับซ้อน อาศัยหลักการง่าย ๆ ทำในสิ่งที่มันสามารถใช้ได้จริง และที่สำคัญแผนการเทรดที่เราจดนั้นควรจะสามารถหยิบขึ้นมาอ่านได้อย่างง่ายดาย เช่น แปะไว้หน้าตู้เย็น , หน้าคอม , หรือใช้ Google spread sheet ที่สามารถอ่านบน Internet ได้อย่างง่ายดาย เป็นต้น


          สิ่งสำคัญที่ต้องมีในแผนการเทรด
  1. กำหนดกลยุทธ์ที่จะเทรด : ว่าเราจะใช้กลยุทธ์อะไรในการเทรด เช่น Price action , Trend following , Mean reversion , Scalping , Reversal trading เป็นต้น และกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ว่าจะเข้า และ ออกตรงไหน
  2. : กำหนด Risk reward : แม้จะเข้า Set up ที่กำหนดไว้ ก่อนเข้าก็ต้องมาคำนวณ Risk reward ว่าคุ้มหรือเปล่า
  3. : คำนวณขนาด Position size : กำหนด Size ในการเทรดให้เหมาะสมกับความเสี่ยงและขนาดพอร์ต
  4. : บันทึกหลังเทรด : หลังเทรดทุกครั้งต้องมีบันทึกว่าเข้าตรงไหน ออกตรงไหน หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นให้จดบันทึกไว้ เพื่อที่จะไม่ทำอีกในอนาคต

            ถ้าเทรดเดอร์ท่านไหนยังไม่มีแผนการเทรด ให้ลองมาทำกันดูนะครับ จะเห็นถึงการพัฒนาของการเทรดของเราได้อย่างดียิ่ง … สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น … ต้องมาลองเอง ไม่มีอะไรเสียอยู่แล้วในการทำสิ่งนี้ มีแต่ได้กับได้สำหรับตัวเทรดเดอร์เองทั้งสิ้นเลยนะครับ


ทีมงาน : forexindicatorsthai.com

ทำให้มันง่าย

ทำให้มันง่าย


            ลองมาดูการเปรียบระหว่างกราฟ 2 กราฟนี้กันนะครับ
กราฟแรก

กราฟที่ 2

            เป็นอย่างไรครับ เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนเลยใช่ไหมครับ … กราฟแรกนั้นเต็มไปด้วยเครื่องมือ ดูอลังการ กับอีกกราฟนึง กราฟที่ 2 ดูว่างๆ โล่งๆ … และถ้าให้คนที่ไม่รู้จัก Technical หรือ Price action นั้นมาดูก็จะเห็นว่า กราฟแรกนั้น ดูเจ๋ง ดูเท่ แต่ความเป็นจริงแล้ว กราฟแรกนั้นในการใช้งานจริง จะเกิดปัญหาหลักๆ อยู่ 2 อย่าง คือ
  1. คลุมเครือ ไม่ชัดเจน
  2. ให้สัญญาณซ้ำซ้อน
จะทำให้การเทรดของเรานั้นไม่ชัดเจน จุดเข้าจุดออก มั่วกันไปหมด ซึ่งสิ่งนี้ไม่ดีต่อการเทรด เทรดเดอร์มืออาชีพหลายคนมักไม่ใช้เครื่องมือ หรือ Indicators เยอะ บางคนใช้ 1 – 2 ตัว บางคนอาจไม่ใช้เลย  ซึ่งความแตกต่างละหว่างเทรดเดอร์มืออาชีพกับเทรดเดอร์มือสมัครเล่นนั้น คือ มืออาชีพสามารถตีความจากกราฟออกมาได้ สามารถบอกได้ว่ากราฟนั้นบอกอะไรเรา แต่มือสมัครเล่นนั้นไม่ได้รู้ความหมายๆ จริงของกราฟที่บอก


ซึ่งการเทรดนั้นไม่จำเป็นต้องทำให้ยาก ไม่จำเป็นต้องทำให้ซับซ้อน ไม่ต้องใช้เครื่องมือเยอะ เยอะเกินไปไม่ได้แปลว่าจะดีขึ้นเลย เหมือนกับมีอาวุธหลากหลายอาวุธ ทั้งดาบ ธนู มีด ซึ่งเราไม่สามารถใช้มันพร้อมกันได้หมดทุกอย่างในครั้งเดียว แต่ละอาวุธก็ดีคนละแบบ เลือกใช้อาวุธที่เหมาะกับเรา ให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้น ในการเทรดก็เช่นเดียวกัน ไม่ต้องเยอะ ขอแค่มีหลักการ และหลักที่ใช้นั้นถูกต้อง ก็เพียงพอต่อการสร้างกำไรในระยะยาวได้แล้ว

ทีมงาน : forexindicatorsthai.com

ทำไมต้อง Swing trading

ทำไมต้อง Swing trading



            เทรดเดอร์หลายคนในไทยมักใช้สไตล์การเทรดแบบ Trend-following เนื่องด้วยเหตุผลต่างๆนานาที่เทรดเดอร์ดังๆหลายคนประสบความสำเร็จในด้านนี้ แต่ยังมีการเทรดสไตล์ตรงกันข้าม Trend-following อยู่ที่ถือได้ว่าเป็นคู่กัดกันเลยก็ว่าได้ ก็คือ Mean-reversion … มันจะมีนิสัยตรงกันข้ามกันอยู่เสมอ เช่น Trend-following มี Winrate ต่ำ แต่ Mean-reversion มี Winrate สูง หรือ Trend-following ถือยาว แต่ Mean-reversion ถือสั้นๆ เป็นต้น ซึ่งต้องมาพูดเรื่องนี้ก็เพราะว่า เทรดเดอร์บางคนนิสัยใจคอ ไม่ได้เข้ากับสไตล์การเทรดแบบ Trend-following ซึ่งพอไปเทรดแบบนี้ผลลัพธ์ที่ได้กลับแย่ เนื่องจากสไตล์การเทรดนั้นไม่ Match กับตัวเอง เลยทำให้อยากให้เทรดเดอร์ในไทยหลายๆท่านที่ไม่ได้เป็นสาย Trend-following นั้นมาลองเปลี่ยนเป็นสาย Mean-reversion กันบ้าง

Swing point
            ก่อนไปทำความรู้จักกับการเทรดสไตล่า Swing trading มาทำความรู้จัก Swing point กันก่อน … จุด Swing point นั้นคือรอบ Swing high หรือ Swing low ของราคานั่นเอง


            ส่วน Swing trading คือ การจับช่วง Swing point ของแต่ละรอบการแกว่งตัว หลักการสำคัญของมันคือ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว ขายเมื่อแข็งแกร่ง” คือจะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงสั้น ๆ หรือที่เรียกกันว่า Buy on dip และจะขายเมื่อราคาดีดตัวกลับ โดยจะเป็นการเทรดสั้น ๆ เหมือนกับการเก็บเหรียญ สะสมไปเรื่อยๆ มากกว่าที่จะรอเก็บแบงค์แล้วรันเทรนเหมือนกับ Trend follow ซึ่งเสน่ห์ของ Swing trading คือ
  1. Winrate สูง
  2. ถือไม่นาน
  3. เทรดบ่อย (เมื่อเทียบกับ Trend follow)
  4. ไม่มีการตกรถ
            ส่วนเรื่องวิธีการเทรดในสไตล์ของ Swing trading นั้นมีค่อนข้างหลากหลาย แต่ยังคง Concept เหมือนกัน คือ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว ขายเมื่อแข็งแกร่ง” เพื่อนๆเทรดเดอร์สามารถหยิบเครื่องมือต่างๆที่คิดว่า Make sense กับตัวเองมาเทรด เพื่อให้การเทรดของเรานั้น Match กับตัวเราเองมากที่สุด


ทีมงาน : forexindicatorsthai.com

ทริคการเทรด Forex สำหรับมือใหม่

ทริคการเทรด Forex สำหรับมือใหม่


            มือใหม่ที่เข้ามาเทรด Forex นั้นสามารถพ่ายแพ้ต่อตลาดอย่างง่ายดาย เนื่องการขาดประสบการณ์ ความรู้ และข้อมูลที่ถูกต้องก่อนเข้าเทรด หลายคนมักถูกชักนำจากคำโฆษณาที่กล่าวเกินจริง ว่ามันง่าย รวยไว ลงทุนนิดหน่อย แต่ได้ผลตอบแทนเยอะ ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าไม่จริง การเทรด Forex มันยาก ต้องอาศัยการเรียนรู้อย่างหนัก ทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ รวมถึงยังต้องแยกแยะข้อมูลให้ออกว่าอันไหนจริง อันไหนหลอก อีกด้วย
            บทความนี้จะรวบรวบทริคในการเทรด Forex ให้กับเทรดเดอร์มือใหม่ทุกท่านที่กำลังเข้ามาเทรดในตลาดแห่งนี้ เพื่อไว้เป็นเกราะป้องกันในการป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้


#1 เรียนรู้จากพื้นฐานก่อน
            มือใหม่หลายท่านชอบกระโดดข้ามมีเรียนเทคนิคการเทรดขั้นสูงต่างๆ ไม่สนใจพวก Basic ต่างๆ การเริ่มต้นของทุกสิ่งควรมาจากโครงสร้างของฐานที่ดีก่อน ค่อยไปสูงระดับที่สูงขึ้น ควรเรียนรู้หลักการพื้นฐานให้แน่นก่อนที่จะไปสู่การเทรดขั้นสูง จากประสบการณ์การเทรดขั้นสูงหรือการเทรดขั้นพื้นฐาน หากใช้ในสิ่งที่ถูกต้องแล้วผลตอบแทนที่ได้ไม่ได้ฉีกจากกันเท่าไหร่เลย
#2 โฟกัสเพียง 1 กลยุทธ์
            การเทรดให้กำไรนั้นไม่ต้องอาศัยหลายกลยุทธ์ ขอเพียง 1 กลยุทธ์ที่มันสามารถทำกำไรได้ ก็เพียงพอต่อการเทรดในตลาด Forex แห่งนี้แล้ว ขั้นต้นเลือกมาเพียง 1 กลยุทธ์ที่คิดว่าเหมาะสมกับสไตล์ของเรา แล้วก็ศึกษามัน ทำความเข้าใจมัน และนำไปใช้ ใช้การพัฒนาควบคู่ไปกับการใช้งาน ไม่ควรเปลี่ยนกลยุทธ์บ่อย ๆ หรือไม่ควรใช้หลายกลยุทธ์ในการเทรดในช่วงเริ่ม เพราะมันจะทำให้เราสับสน มั่วไปหมด เชื่อเถอะครับว่า 1 กลยุทธ์ก็เพียงพอต่อการทำกำไรในตลาด Forex ได้แล้ว


#3 อย่าตื่นตระหนกเมื่อการเทรดไม่เป็นไปอย่างที่คิด
            ถ้าผิดทาง ก็แค่ Cut loss แค่นั้นครับ … ทำตามแผนที่เทรด ถ้าผิดแผนให้หยุดการเทรดนั้นทันที อย่าปล่อยให้เป็นมะเร็งร้าย … การแพ้ในการเทรดถือเป็นเรื่องปกติที่ต้องเกิดขึ้น มือใหม่ต้องเข้าใจสิ่งนี้ ขอแค่โดยรวมเราชนะมากกว่าแพ้ ก็เพียงพอในการทำกำไรในระยะยาวอยู่แล้ว
#4 อยู่บนความเป็นจริง
            อย่าไปฟังคำโฆษณาเกินจริง ลืมตาดูโลกแห่งความเป็นจริง สมมติว่าพอร์ตเรา 100,000 บาท จะหวังว่าภายใน 1 ปีมันจะโตเป็น 100,000,000 บาท อย่างงี้ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ถ้าหวังสัก 50 – 100% หรือ 50,000 – 100,000 บาท ใน 1 ปี อย่างนี้ยังพอ Make sense


#5 อย่าเทรดบ่อย
            เล่นในเกมส์ที่เราถนัด เกมส์ในไม่ถนัดอย่าฝืนเล่น … การเทรดก็เช่นเดียวกัน จังหวะไหนไม่แน่ใจ ก็ไม่ต้องเทรด เทรดในจังหวะที่แน่ใจ แค่นั้นครับ
#6 ดูภาพรายวัน
            แนะนำว่ามือใหม่อย่าพึ่งไป Day trade ให้ดูภาพรายวันไปก่อน เนื่องจากมันจะให้เรามีเวลามีนั่งทบทวนได้เวลาเราจะทำอะไร วางกลยุทธ์อย่างไรในการเทรด เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนระหว่างเทรด


#7 วาง Stop loss ให้เหมาะสม
            มือใหม่หลายท่านชอบวาง Stop loss ใกล้เกินไป หรือไกลเกินไป การวาง Stop loss ควรจะวางในจุดที่เหมาะสม คำถามคือจุดที่เหมาะสมนั้นคืออะไร คือ “จุดที่ทำให้ภาพการคาดการณ์ก่อนหน้าของเราเปลี่ยนแปลงไป” แค่นั้นเองครับ
#8 อย่าตามคนอื่น
            ไม่ควรลอกการเทรดจากคนอื่น เราควรมีวิธีการ กลยุทธ์ รวมถึงแผนของตัวเอง การทำตามคนอื่นเหมือนยืมจมูกคนอื่นมาหายใจ ซึ่งมันไม่ดีในระยะยาว เราควรสร้างมันขึ้นมาให้เป็นของเราเอง


ทีมงาน : forexindicatorsthai.com

ความอดทน กับ วินัย

ความอดทน กับ วินัย

            เชื่อว่าทุกอาชีพ ทุกงาน ทุกๆอย่าง ต้องมี 2 สิ่งนี้ถึงจะประสบความสำเร็จได้ในสิ่งนั้น “ความอดทน” และ “วินัย” ไม่ว่าเราจะเป็นนักบอล เป็นกุ๊กทำอาหาร เป็นนักแข่งรถ หรือเป็นอาชีพต่างๆที่อยากจะเป็น และอยากก้าวไปสู่ระดับมืออาชีพนั้นก็จะต้องฝึกฝนอย่างหนัก อาศัยวินัย และความอดทน ที่ดี โดยเฉพาะอาชีพเทรดเดอร์ที่ต้องให้ความสำคัญกับ 2 สิ่งนี้เป็นอย่างมาก ต้องเข้าใจมัน และประคับประคองมันไปให้ดีที่สุด ถ้าพลาดนิดนึงอาจส่งผลทำให้สิ่งที่การเทรดของเรานั้นพังได้


ความอดทน
            don't try to rush things that need time to grow” … ทุกอย่างต้องใช้เวลา หลักสำคัญของทุกๆอย่างคือ ความอดทน เหมือนกับถ้าเราอยากได้ลูกเจี๊ยบ เราก็ต้องรอให้มันฟักออกจากไข่ ไม่ใช่ไปทุบมันออกมา … การเทรดก็เช่นเดียวกัน การพัฒนาการเทรดนั้นต้องใช้เวลา การวางแผนการเทรดต้องใช้เวลา ความสามารถในการเทรดก็ต้องใช้เวลาฝึกฝน ใช้ประสบการณ์ในการเรียนรู้ ไม่มีใครเก่งมาแต่เกิด อีกทั้งในระหว่างการเทรด การรอจังหวะดีๆ ก็ต้องอดทนรอเวลานั้นให้เป็น อย่าไปเร่งมันครับ


วินัย   
            วินัยมันจะเป็นกระบวนการที่ทำให้เราพัฒนาตัวเองขึ้นอย่างต่อเนื่องขึ้นทุกวัน การก้าวข้ามไปสู่มืออาชีพได้นั้นต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างเป็นประจำ อาศัยการเตรียมแผนการเทรดทุกครั้งที่จะเทรด บันทึกการเทรดทุกครั้งที่เทรด จดข้อผิดพลาดทุกครั้งที่ผิด ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราค่อยๆ พัฒนาขึ้น และสุดท้ายพาไปสู่ความประสบความสำเร็จในอาชีพเทรดเดอร์ในที่สุด มันไม่มีทางลัด ไม่มี Holy grail มีแต่การฝึกฝนไปเรื่อยๆในแต่ละวัน สะสมติดต่อกันเป็นปีๆ ถึงจะไปสู่จุดดังกล่าวที่ทุกคนอยากจะไปถึง บางคนถอดใจก่อนระหว่างทาง ทำให้ไปไม่ถึงเส้นทางที่หวัง มัวแต่โทษคนอื่น โทษนู้นนี่นั่น แต่ลืมโทษตัวเองก็เรานั้นไม่มีวินัยเอง ที่ขาดความต่อเนื่องในการฝึกฝน จนการเทรดเราพังในที่สุด
            พวกความรู้ และเทคนิคต่างๆในการเทรด นั้นสามารถหาอ่านและทำตามได้อย่างง่ายดาย แต่เจ้า 2 สิ่งนี้ ถึงรู้วิธีการปฏิบัติก็จริง แต่การทำจริงนั้นยากกว่าที่คิดเยอะๆ ต้องบอกได้ว่าถือเป็นสิ่งที่ยากที่สุดเลยก็ว่าได้ในการเทรด … ไม่มี Overnight success มีแต่การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเป็นปีๆ ถึงจะสำเร็จ


ทีมงาน : forexindicatorsthai.com

การตีแนวรับแนวต้าน

การตีแนวรับแนวต้าน


            เป็นหลักพื้นฐานของเทรดเดอร์ทุกท่านที่ต้องทราบกันอยู่แล้วทุกคน แต่มีเทรดเดอร์หลายคนทำให้การตีเส้นแนวรับแนวต้านนั้นมันยาก ทำให้มันซับซ้อน เนื่องจากไม่รู้จะตีตรงไหน ตีอย่างไรให้ถูกต้อง เดี๋ยวบทความนี้จะมีกล่าวถึงการตีเส้นแนวรับแนวต้านในแบบของเทรดเดอร์จริงๆ ไม่ใช่เอามาจากตำรา (ซึ่งรู้กันอยู่ว่าสิ่งที่มีในหนังสือมักใช้ไม่ได้) ก่อนอื่นเรามาดูความเชื่อแบบผิดๆเกี่ยวกับการตีแนวรับแนวต้าน


ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการตีแนวรับแนวต้าน
  1. ควรจะตีแนวรับแนวต้านทุกๆระดับที่ปรากฏอยู่บนกราฟ
เทรดเดอร์หลายคนมักติดตีเส้นหลายๆ นู้นนี่นั่น เห็นตรงไหนตีได้ตี จนรู้ตัวอีกที กราฟเต็มไปด้วยเส้นเต็มไปหมด เกิดความสับสนเวลาเทรด ซึ่งจริงๆแล้วการตีแนวรับแนวต้านนั้นเพียงแค่ตีเส้นที่มีนัยสำคัญๆจริงๆ และเส้นที่เราจะใช้มันจริงๆ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว


  1. แนวรับแนวต้านที่ตีนั้นควรจะเป็นระดับ High หรือ Low แบบเป๊ะๆ
            ตามหนังสือ Technical ต่างๆ มันลากเส้นแนวรับแนวต้านให้เราเห็นแบบเป๊ะๆ แบบ100% ตีเส้นเดี่ยว โดยลากจาก High เชื่อม High หรือ Low เชื่อม Low แล้วนำมาโชว์เราว่ามันแม่นแค่ไหน ซึ่งพอเทรดจริงๆ แล้วมักจะเกิด 2 ปัญหาสำคัญคือ 1. ราคาวกตัวก่อนถึง และ 2. ทะลุหลอก


                        วิธีการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเหล่านี้ คือ การใช้การตีลักษณะเป็น Zone หรือบริเวณ มากกว่าการตีแบบเส้นเดี่ยว และไม่ต้องแคร์ว่าต้อง High หรือ Low หรือ Close ให้ดูเป็นบริเวณมากกว่า



  1. ควรจะสนใจราคาย้อนหลังไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าใดก็ตาม
            บางคนชอบไปดูราคาย้อนหลัง 10 ปี หรือบางที 20 ปี ซึ่งตรงนั้นมันไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไร่ เพราะด้วยว่าพื้นฐานตอนนั้นกับตอนนี้มันเปลี่ยนไปอย่างมาก เราควรดูในปัจจุบันมากกว่าอย่างเช่นประมาณ 3-6 เดือนเป็นต้น
            เห็นไหมล่ะครับว่าในตำรากับของจริงมันต่างกัน การเทรดจริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องใช้อะไรที่ยาก ไม่ต้องใช้อะไรที่ซับซ้อน แต่ขอแค่เราเข้าใจสิ่งที่เราใช้ ก็เพียงพอต่อการกำไรจากตลาดในระยะยาวแล้ว

ทีมงาน : forexindicatorsthai.com

Price action ใน Forex ตอนที่ 2

Price action ใน Forex ตอนที่ 2


            หลังจากที่ทราบหน้าตาพื้นฐานของ Price action กันไปใน “Price action ใน Forex ตอนที่ 1” ไปแล้ว ต่อมาเราจะมาดูวิธีการนำหลักการต่างๆ เหล่านั้นมาเทรดในตลาด Forex เพื่อสร้างกำไรให้กับเทรดเดอร์กับ
            การสังเกตุพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาในรูปแบบต่างๆนั้นเปรียบเสมือนการหา “สัญญาณ” ว่าในอนาคตเนี่ย ราคามีโอกาสไปในทิศทางใดมากกว่ากัน ซึ่ง Price action ก็เหมือนกับตัวใบ้ว่าราคาจะขึ้น หรือ ลง นั้นเอง


            สิ่งที่เรากำลังจะตามหาคือ พฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาต่างๆ ทั้งรูปแบบแท่งเทียน แนวโน้มราคาร แนวรับแนวต้าน และอื่นๆ ถ้าทุกอย่างบ่งชี้ไปในทิศทางเดียวกันหมด ก็จะทำให้มีโอกาสสูงที่ราคาจะเป็นไปในทิศทางที่เราคาดการณ์
            ตามกราฟด้านข้างนี้เป็นตัวอย่างการใช้ Price action ในการเทรด Forex ในช่วงที่แท่งเทียนเกิด Pin bar reversal มักจะเป็นจุดกลับตัวของแนวโน้ม แต่ก็มีบางจังหวะที่เป็น Fail เกิดขึ้น


ช่วงที่โอกาสชนะมากที่สุด
            ตามที่กล่าวไว้ข้างต้นถ้าทั้งรูปแบบแท่งเทียน แนวโน้มราคา แนวรับแนวต้าน และอื่นๆ ถ้าทุกอย่างบ่งชี้ไปในทิศทางเดียวกันหมด โอกาสการชนะของในการเทรดครั้งนั้นก็จะมากขึ้นตามจำนวนสัญญาณต่างๆที่เกิดขึ้นพร้อม ณ ขณะนั้น
            สมมติ
  1. รูปแบบแท่งเทียนบอกให้ ซื้อ แต่แนวโน้มยัง ลง อยู่
เทียบกับ
  1. รูปแบบแท่งเทียนบอกให้ ซื้อ และแนวโน้มเป็น ขาขึ้น
แบบไหนน่าซื้อกว่ากันล่ะ … คำตอบก็ต้องแบบที่ 2 ใช่ไหมละครับ


มาดูตัวอย่างกัน
กราฟด้านล่าง ใช้ 3 ปัจจัยในการคาดการณ์ทิศทางว่าช่วงนั้นราคามีโอกาสปรับตัวลงต่อ คือ
            1) แนวโน้มขาลง
            2) แนวต้าน
            3) Pin bar
ซึ่งทั้ง 3 อย่างนี้เกิดขึ้นพร้อมกันในช่วงที่วงกลมสีแดง ตรงบริเวณนั้นเป็นจังหวะที่น่าเข้าเทรด และสุดท้ายราคาก็ปรับตัวลงต่อตามที่คาดการณ์


            อันนี้เป็นตัวอย่างการใช้ Price action ในการเทรด Forex เบื้องต้น เทรดเดอร์ท่านใดสนใจมาทางนี้ ก็สามารถศึกษาเพิ่มเติมต่อกันได้ในที่นี้นะครับ เราจะนำเอาข้อมูลและวิธีการต่างๆ มานำเสนอ จะคอยเป็นเพื่อนร่วมทางในการต่อสู่กับตลาด Forex แห่งนี้กันนะครับ

ทีมงาน : forexindicatorsthai.com

วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2559

Price action ใน Forex ตอนที่ 1

Price action ใน Forex ตอนที่ 1



            เทรดเดอร์หลายคนที่เริ่มเข้ามาเทรดในตลาด Forex ได้สักพัก มักจะเริ่มได้ยินเพื่อนๆเทรดเดอร์เริ่มพูดถึงการเทรดแบบดู Price action หรือ พฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคา ซึ่งบางคนอาจจะยังงงๆว่าเจ้าสิ่งนี้มันคืออะไร อะไรคือ Price action … ถ้าพูดกันอย่างง่ายที่สุดเลยการดู Price action คือการดูกราฟเปล่าๆนั้นเอง ไม่ใช้ Indicators หรือพวกเส้นค่าเฉลี่ย อะไรทั้งสิ้น ดูพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาจากกราฟเปล่าๆ ทั้งในรูปแบบของ Candlestick chart และ Bar chart
            ซึ่งมีเทรดเดอร์ในตลาด Forex หลายท่านที่ประสบความสำเร็จใช้วิธีนี้ในการเทรด เพราะพวกเขาเชื่อว่าพวก Indicators หรือเส้นค่าเฉลี่ยต่างๆ ล้วนมาจากการคำนวณของราคา ทั้ง Open High low และ Close ที่ปรากฎอยู่บนกราฟแล้วทั้งสิ้น พวกเขาเหล่านั้นจึงไปโฟกัสการดูพฤติกรรมของราคาเลย แทนที่จะไปดูพวก Indicators
            มาดูกันเลยว่าการใช้ Price action นั้นมีหน้าตาและวิธีการวิเคราะห์นั้นเป็นอย่างไร


หน้าตาของ Price action
Up barหรือที่เรียกว่า “Bullish bar” เป็น bar หรือ แท่งเทียน ที่ทำ High สูงขึ้น และ Low สูงขึ้น กว่าแท่งก่อนหน้า แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้น ฝั่งซื้อมีกำลังมากกว่าฝั่งขาย
            โดยปกติ แท่งเทียนจะเป็นสีเขียว (ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด) แต่บางครั้งแท่งเทียนสามารถเป็นสีแดงได้เช่นกัน (ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด) เพราะถ้าแท่งเทียนยังคงลักษณะที่ทำ High สูงขึ้น และ Low สูงขึ้น กว่าแท่งก่อนหน้า ก็ยังคงเรียกว่า Up bar
Down barหรือที่เรียกว่า “Bearish bar” ตรงกันข้ามกับ Up bar เป็น bar หรือ แท่งเทียน ที่ทำ High ต่ำลง และ Low ต่ำลง กว่าแท่งก่อนหน้า แสดงถึงแนวโน้มขาลง ฝั่งขายมีกำลังมากกว่าฝั่งซื้อ
            โดยปกติ แท่งเทียนจะเป็นสีแดง (ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด) แต่บางครั้งแท่งเทียนสามารถเป็นสีเขียวได้เช่นกัน (ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด) เพราะถ้าแท่งเทียนยังคงลักษณะที่ทำ High ต่ำลง และ Low ต่ำลง กว่าแท่งก่อนหน้า ก็ยังคงเรียกว่า Down bar


Inside bar: บางครั้งเรียกกันว่า “Narrow range bar” โดย Inside bar จะมีลักษณะ High ต่ำกว่าแท่งก่อนหน้า และ Low สูงกว่าแท่งเทียนหน้า รูปแบบเป็นการบีบตัวแคบลงของราคา แสดงถึงการราคายังไม่สามารถเลือกทิศทางได้ และถ้าราคาทะลุไปยังทิศทางใดทิศทางหนึ่งก็แสดงว่าตลาดได้เลือกทิศทางที่จะไป
Outside bar: บางครั้งเรียกกันว่า “Mother bar หรือ Wide range หรือ Engulfing bar”) เป็นลักษณะที่แท่งเทียนทำ High สูงกว่าแท่งก่อนหน้า และ Low ต่ำกว่าแท่งเทียนหน้าเช่นกัน ตำแหน่งของราคานั้นก็แสดงถึงแรงซื้อ หรือแรงขายของฝั่งนั้นที่มีกำลังมากกว่า
อีกนัยความหมายนึงของรูปแบบนี้ ถ้าแท่งเทียนล่าสุดคลุมแท่งเทียนก่อนหน้าทั้งหมด ถ้าราคาปิด (Close) และเปิด (Open) คลุมแท่งเทียนราคาปิดและเปิดก่อนหน้าทั้งหมด และปิดบวก แสดงถึง ฝั่งซื้อมีกำลังมากกว่า แต่ถ้าราคาปิดลบครุมแท่งก่อนหน้าทั้งหมด แสดงถึงฝั่งขายมีกำลังมากกว่า


Pin barลักษณะไส้เทียน ยาวๆ ออกฝั่งใดฝั่งหนึ่ง และราคาอยู่ตรงข้ามกับฝั่งนั้น ถ้าเป็นลักษณะไส้เทียนยาวๆออกด้านล่าง และราคาปิดอยู่บริเวณด้านบนเป็นลักษณะ Bullish pin bar แสดงถึงระหว่างวันเกิดแรงขาย แต่สุดท้ายก็มาแรงซื้อกลับเข้ามา ในทางตรงกันข้าม ถ้าเป็นลักษณะไส้เทียนยาวๆขึ้นด้านบน และราคาปิดอยู่บริเวณด้านล่างของแท่งเป็นลักษณะ Bearish pin bar แสดงถึงระหว่างวันแรงซื้อพยายามดันราคาขึ้นไป แต่สุดท้ายก็เกิดแรงขายที่รุนแรงกว่าดันราคากลับลงมา

เดี๋ยวเรามาดูวิธีการใช้ Price action ในการเทรดในบทความ Price action ใน Forex ตอนที่ 2

ทีมงาน :forexindicatorsthai.com